เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 3 ทางแยกด้านขวาของนรก (ปีกขวาของนรก)

ดิฉันไม่สามารถที่จะนอนหลับหรือที่จะกินได้นับตั้งแต่ดิฉันได้อยู่ในนรกในคืนก่อนหน้านี้ แต่ละวันดิฉันหวนคิดถึงนรก เมื่อดิฉันหลับตา ทั้งหมดที่ดิฉันสามารถมองเห็นได้ก็คือนรก หูของดิฉันสามารถขจัดเสียงร้องของผู้ที่ถูกลงโทษให้ตกนรก ดิฉันหวนนึกถึงทุกสิ่งที่ดิฉันได้เป็นพยานเห็นมาในนรกครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับรายการทางโทรทัศน์ นั่นเอง แต่ละคืนดิฉันอยู่ในนรก และแต่ละวันดิฉันต่อสู้เพียงเพื่อที่จะได้หาถ้อยคำที่ถูกต้องในการนำเอาสิ่งที่น่าหวาดกลัวนี้มาสู่โลกทั้งมวล
พระเยซูปรากฏพระองค์แก่ดิฉันอีก และตรัสว่า “ คืนนี้เราจะไปยังปีกขวาของนรก ลูกเอ๋ยจงอย่ากลัวเลย เพราะว่าเรารักเจ้าและเราจะอยู่กับเจ้า”

ใบหน้าของพระเยซูคริสต์เจ้านั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และดวงตาของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยความรักที่นุ่มนวลและลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาที่อยู่ในขณะนั้นจะต้องอยู่ในนรกตลอดไปตลอดกาลก็ตาม ดิฉันก็ยังรู้ว่าพระองค์รักเขาเหล่านั้นและรักเขาเหล่านั้นชั่ว กาลปวสานต์
“ลูกของเราเอ๋ย” พระองค์ตรัส “พระเจ้า พระบิดาของเรา ได้ให้การตัดสินใจแก่เราแต่ละคน เพื่อที่เราจะสามารถเลือกได้ว่าเราควรจะรับใช้พระองค์หรือรับใช้ซาตาน เห็นไหมเล่า พระเจ้ามิได้สร้างนรกสำหรับผู้คนของพระองค์ ซาตานได้ล่อลวงผู้คนมากมายให้ไปติดตามมัน แต่ว่านรกนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อซาตานและลูกสมุนของมัน มิใช่เป็นความปรารถนาของเราหรอกนะ และมิใช่เป็นความปรารถนาของพระบิดาของเรา ที่ว่าทุกคนควรถูกทำลาย
น้ำตาแห่งความสงสารได้หลั่งไหลลงมาจากแก้มของพระเยซู
พระองค์เริ่มต้นตรัสอีกครั้งหนึ่งว่า “จงจำถ้อยคำของเราในวันต่อๆ ไปที่เราจะสำแดงนรกให้เจ้าเห็น เรามีฤทธานุภาพทั้งในสวรรค์และทั้งในโลก บัดนี้ สำหรับเจ้าแล้ว ในเวลาที่มันจะดูเหมือนว่าเราจะจากเจ้าไป แต่ว่าเราจะไม่จากเจ้าไป และอีกครั้งในเวลาที่เราจะถูกมองเห็นโดยพลังแห่งความชั่วร้ายและพวกวิญญาณที่สูญเสีย ในขณะที่ในเวลาอื่น ๆ เราจะไม่ถูกมองเห็น ไม่ว่าเราจะไปยังที่ใด จงอยู่ในความสงบและไม่ต้องกลัวในการที่จะตามเราไป ”
เราได้ไปด้วยกัน ดิฉันตามพระองค์ ไปอย่างใกล้ชิดตามหลังพระองค์พลางร้องไห้เพราะว่าในวันที่ดิฉันร้องไห้ ดิฉันไม่สามารถที่จะสลัดทิ้งภาพการมีอยู่จริงของนรกซึ่งปรากฎต่อหน้าดิฉันตลอดไป ส่วนมากแล้วดิฉันร้องไห้อยู่ภายใน จิตวิญญาณของดิฉันเศร้ามาก
เราได้มาถึงปีกขวาของนรก โดยการมองไปข้างหน้า ดิฉันได้เห็นว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางซึ่งแห้งและถูกไฟไหม้ เสียงกรีดร้องเต็มไปหมดอยู่ในอากาศที่สกปรก และกลิ่นเหม็นแห่งความตายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลิ่นเหม็นนี้บางครั้งก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียนเสียจนกระทั่งมันทำให้ดิฉันท้องไส้ปั่นป่วน ทุกแห่งทุกหนมีความมืดเว้นแต่แสงสว่างซึ่งเปล่งออกมาจากพระเยซูคริสต์และจากกับดักที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบๆเห็นภาพเป็นจุด ๆ ไปไกลเท่าที่ดิฉันจะสามารถมองเห็นได้
ทันใดนั้นเอง พวกปีศาจร้ายทุกชนิดกำลังเดินผ่านหน้าเรา พวกปีศาจตัวเล็กคำรามใส่เราในขณะที่พวกมันผ่านไป วิญญาณของพวกปีศาจทุกขนาดและทุกรูปร่างกำลังพูดคุยกัน ทางด้านนอกเบื้องหน้าเรา ปีศาจใหญ่ตนหนึ่งกำลังออกคำสั่งต่อพวกปีศาจเล็กๆ เราหยุดเพื่อฟังพวกมัน และพระเยซูตรัสว่า ” ยังมีกองทัพที่มองไม่เห็นแห่งกองกำลังปีศาจที่เราไม่ได้เห็น ณ ที่นี่อีกด้วย มันเป็นปีศาจที่เหมือนวิญญาณที่ชั่วร้ายแห่งความเจ็บป่วย “
“ จงไป ” เจ้าปีศาจร้ายตัวใหญ่พูดกับเจ้าปีศาจร้ายตัวเล็กกว่า “จงไปทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆ จงรื้อบ้านและทำลายครอบครัว จงล่อลวงพวกคริสเตียนที่อ่อนแอ ให้จงทำสิ่งที่เลว ๆ และนำไปผิดแบบ ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะสามารถทำได้ เจ้าจะได้รับรางวัลของเจ้าเมื่อเจ้ากลับมา
จงจำไว้ จงจำไว้ เจ้าจะต้องระมัดระวังเขาเหล่านั้นที่ได้ยอมรับพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาอย่างจริงใจ พวกเขามีอำนาจที่จะขับไล่เจ้าออกมา จงฝ่าเข้าไปในโลก ข้ามีพวกอื่น ๆ จำนวนมาก ข้ามีพวก(ปีศาจอื่น) จำนวนมากพร้อมแล้วอยู่ที่นั่นแหละ และยังมีพวกอื่น ๆ ที่จะถูกส่งตามไป จงจำไว้ เราเป็นคนรับใช้ของเจ้าชายแห่งความมืดและ ของอำนาจแห่งท้องฟ้า ”

ในตอนนั้น ร่างของปีศาจเริ่มต้นทยอยหายออกไปจากนรก บรรดาประตูทางด้านบนของปีกขวาของนรกเปิดออกและปิดอย่างรวดเร็วเพื่อให้พวกมันออกไป มีปีศาจบางตนโผล่ออกมาจากปล่องที่เราได้ลงมาอีกด้วย
ดิฉันจะพยายามบรรยายลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เป็นปีศาจเหล่านั้น ปีศาจตัวที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นปีศาจตัวใหญ่มาก มีขนาดใหญ่เท่ากับหมีสีเทาที่มีขนสีน้ำตาลตัวโตเต็มที่ มีสีน้ำตาลโดยที่หัวเหมือนค้างคาวและมีดวงตาที่อยู่ลึกเข้าไปในใบหน้าที่รุงรังด้วยเส้นขน แขนที่เต็มไปด้วยขนห้อยอยู่ด้านข้างของมัน และมีเขี้ยวยื่นออกมาจากเส้นขนบนใบหน้าของมัน
ปีศาจอีกตนหนึ่งเล็กเหมือนลิงที่มีแขนยาวมากและมีขนทั่วตลอดทั้งตัวของมัน ใบหน้าของมันเล็กมากและมีจมูกยื่นออกมา ดิฉันไม่สามารถมองเห็นดวงตาของมัน ณ ที่ใด
ปีศาจอีกตนหนึ่งมีหัวใหญ่ มีหูใหญ่และมีหางยาว ในขณะที่ยังมีอีกตัวหนึ่งใหญ่มากเหมือนม้าและมีผิวที่เป็นมัน การได้เห็นปีศาจและวิญญาณที่ชั่วร้ายเหล่านี้ และกลิ่นที่น่าสยดสยองซึ่งมาจากพวกมัน ทำให้ดิฉันท้องไส้ปั่นป่วน ทุกแห่งทุกหนที่ดิฉันมองไปล้วนแล้วแต่เป็นพวกปีศาจและพวกผีร้าย ปีศาจตัวใหญ่ที่สุดของปีศาจเหล่านี้ ดิฉันได้เรียนรู้มาจากพระเจ้าว่า พวกมันกำลังได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากซาตาน
พระเยซูและดิฉันเดินลงไปตามทางจนกระทั่งเรามาถึงกับดักอีกแห่งหนึ่ง เสียงร้องแห่งความ เจ็บปวด เสียงแห่งความเสียใจที่ไม่สามารถลืมได้เลย ดังมาจากทุกหนทุกแห่ง พระเจ้าข้าสิ่งถัดจากนี้ไปคืออะไร ดิฉันคิด เมื่อเราเดินตรงผ่านปีศาจตนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่เห็นเรา และหยุดที่กับดักอีกแห่งหนึ่งของกับดักแห่งไฟและหินกำมะถัน ในกับดักถัดมานี้เป็นผู้ชายที่มีโครงร่างขนาดใหญ่ ดิฉันได้ยินเขากำลังเทศนาพระคัมภีร์ ดิฉันมองที่พระเยซูคริสต์ในอาการที่แปลกใจเพื่อขอคำตอบ เพราะว่าพระองค์มักจะรู้ความคิดของดิฉันเสมอ พระองค์พูด “ในขณะที่ชายคนนี้อยู่ในโลก ชายคนนี้เป็นนักเทศน์พระคัมภีร์ ในครั้งหนึ่งเขาพูดความจริงและรับใช้เรา”
ดิฉันสงสัยว่าชายคนนี้กำลังทำอะไรในนรก เขามีความสูงประมาณหกฟุต และโครงกระดูกของเขาสกปรก มีสีค่อนข้างสีเทา คล้ายกับหินหน้าสุสาน ส่วนต่าง ๆ ของเสื้อผ้าของเขาแขวนอยู่ที่ตัวเขา ดิฉันแปลกใจว่าทำไมเปลวไฟจึงละเว้นเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและฉีกขาดเหล่านี้ และไม่เผาเสื้อผ้าเหล่านี้ให้ไหม้ เนื้อหนังที่กำลังถูกไฟไหม้ห้อยอยู่จากร่างของเขา และดูเหมือนกระโหลกศรีษะของเขาอยู่ในไฟ กลิ่นที่น่ากลัวโชยมาจากเขา
ดิฉันมองที่ชายคนนี้แผ่มือออกมาราวกับว่าเขากำลังถือหนังสือเล่มหนึ่งและเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์จากสิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นหนังสือ อีกครั้งหนึ่ง ที่ดิฉันจำได้ถึงสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัส “เจ้ามีความรู้สึกทั้งหมดในนรก และความรู้สึกนั้นเข้มแข็งกว่ากันมาก ณ ที่นี่” ชายคนนั้นอ่านพระคัมภีร์ครั้งแล้วครั้งเล่า และดิฉันคิดว่ามันเป็นการดี พระเยซูคริสต์พูดกับชายคนนี้ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ในน้ำเสียงของพระองค์ “สันติสุข จงสงบ” ทันใดนั่นเอง ชายคนนี้หยุดและหันมาช้า ๆ เพื่อมองพระเยซู
ดิฉันมองเห็นวิญญาณของชายคนนี้ในร่างโครงกระดูกของเขา เขาพูดกับพระเยซู “พระเจ้าข้า ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าเทศนาความจริงต่อมวลมนุษย์ บัดนี้ พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าพร้อม พร้อมแล้วที่จะไปและบอกแก่คนอื่น ๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าในตอนที่ข้าพเจ้าอยู่บนโลก ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่ามีนรก หรือไม่เชื่อว่าพระองค์กำลัง จะเสด็จกลับมาอีก มันเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการที่จะฟัง และข้าพเจ้าทำให้ความจริงเข้ากันได้กับผู้คนในโบสถ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใครก็ตามที่มีความแตกต่างในชาติพันธุ์หรือในผิวสี และข้าพเจ้าเป็นเหตุให้ผู้คนมากมายได้ทอดทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าได้สร้างกฎเกณฑ์ของข้าพเจ้าเองเกี่ยวกับสวรรค์และเกี่ยวกับความถูกและความผิด ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าได้นำผู้คนมากมายให้หลงทาง และข้าพเจ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดไปจากพระคำศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และข้าพเจ้ารับเงินจากคนยากจน แต่ว่า พระเจ้าข้า ขอให้ข้าพเจ้าออกไปเถิด และข้าพเจ้าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ข้าพเจ้าจะไม่เอาเงินจากโบสถ์ต่อไปอีก ข้าพเจ้าได้สำนึกแล้ว ข้าพเจ้าจะรักผู้คนทุกเผ่าพันธุ์และทุกผิวสี”
พระเยซูตรัส “เจ้ามิใช่แต่เพียงทำให้พระคำที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าบิดเบือนและแสดงพระคำศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอย่างผิด ๆ เท่านั้น แต่เจ้ายังโกหกเกี่ยวกับการไม่รู้ความจริงของเจ้าอีกด้วย ความเพลิดเพลินแห่งชีวิตที่มีความสำคัญต่อเจ้ายิ่งกว่า เรามาเยี่ยมเจ้าด้วยตัวของเราเองและพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของเจ้า แต่ว่าเจ้าไม่ได้ฟัง เจ้าเดินไปบนเส้นทางของเจ้าเอง และความชั่วร้ายเป็นพระเจ้าของเจ้า เจ้ารู้ความจริง แต่ว่าเจ้ามิได้สำนึกหรือหันกลับมาหาเรา เราอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เราได้คอยเจ้า เราต้องการให้เจ้าสำนึก แต่เจ้ามิได้สำนึก และบัดนี้คำพิพากษาถูกพิพากษาไปแล้ว”
ความสงสารปรากฏที่ใบหน้าของพระเยซู ดิฉันรู้สึกว่าหากชายคนนี้ฟังเสียงเรียกของพระผู้ช่วยให้รอด เขาก็จะไม่ต้องมาอยู่ ณ ที่นี่ในบัดนี้ โอ ผู้คนเอ๋ย โปรดฟังเถิด
พระเยซูพูดกับคนที่สูญเสียนี้อีกครั้งหนึ่ง “เจ้าควรบอกความจริงและเจ้าควรที่จะทำให้ผู้คนมากมายหันกลับมาสู่ความชอบธรรมในพระคำของพระเจ้า ซึ่งพระคำนั้นกล่าวว่าบรรดาผู้ไม่เชื่อทั้งหมดจะมีส่วนของพวกเขาในทะเลสาบ ที่เผาไหม้ด้วยไฟและหินกำมะถัน
เจ้ารู้วิถีทางแห่งไม้กางเขน เจ้ารู้วิถีทางแห่งความชอบธรรม เจ้ารู้ที่จะพูดความจริง แต่ว่าซาตานได้ทำให้หัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยการโกหก และเจ้าเข้าสู่ความผิดบาป เจ้าควรที่จะสำนึกด้วยความจริงใจ มิใช่สำนึกเพียงครึ่งเดียว ถ้อยคำของเรานั้น เป็นความจริง ถ้อยคำนั้นมิใช่โกหก และบัดนี้มันเป็นการสายเกินไปเสียแล้วสายเกินไป ”
ในตอนนี้ ชายคนนั้นชูกำปั้นใส่พระเยซูคริสต์แลสาปแช่งพระองค์ ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ พระเยซูและดิฉันเดินต่อไปยังกับดักที่อยู่ถัดไป นักเทศน์ที่เสื่อมถอยยังคงกำลังสาปแช่งและโกรธเคืองพระเยซู ในขณะที่เราเดินผ่านกับดักแห่งไฟ มือของบรรดาผู้หลงทางได้ยื่นออกมาที่พระเยซู และในน้ำเสียงที่ต้องการแก้ตัว พวกเขาร้องขอความเมตตาจากพระองค์ มือและแขนที่เป็นกระดูกของพวกเขามีสีดำแกมน้ำตาลจากการถูกเผาไหม้ โดยไม่มีเนื้อและเลือด ไม่มีอวัยวะ มีแต่ความตายและกำลังจะตายเท่านั้นในภายในของดิฉันเองดิฉันกำลังร้องไห้ โอ โลกเอ๋ย จงสำนึก หากท่านไม่สำนึกท่านก็จะมายังที่นี่ จงหยุดก่อนที่มันจะสายเกินไป
เราหยุดที่กับดักอีกแห่งหนึ่ง ดิฉันรู้สึกสงสารเช่นนั้นสำหรับพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมด และความโศกเศร้าเช่นนั้นทำให้ดิฉันมีความอ่อนแอทางร่างกายและแทบจะทรงตัวไม่ได้ การร้องไห้สะอื้นที่ใหญ่หลวงทำให้ดิฉันสั่นไหว “พระเยซูเจ้าข้า ดิฉันปวดร้าวใจในภายใน” ดิฉันพูด
จากในกับดัก มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับพระเยซู เธอยืนอยู่ในท่ามกลางเปลวไฟ และเปลวไฟนั้นลุกท่วมทั่วตลอดเรือนร่างของเธอ กระดูกของเธอเต็มไปด้วยตัวหนอนและเนื้อที่ตายแล้ว ในขณะที่เปลวไฟลุกท่วมรอบตัวของเธอ เธอยื่นแขนขาทั้งสองข้างของเธอตรงมาที่พระเยซูพลางร้อง ว่า “ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ ฉันจะมอบหัวใจของฉันแด่ท่าน ณ บัดนี้พระเยซู เจ้าข้า ฉันจะบอกแก่คนอื่น ๆ เกี่ยวกับ การยกโทษให้ของพระองค์ ฉันจะเป็นพยานเพื่อพระองค์ ฉันขอร้องท่าน โปรดให้ฉันออกไป ”

พระเยซูตรัส “ ถ้อยคำของพวกเขาจะหลบออกไปจากที่นี่ โดยผ่านโลหิตของเราก็จะมีการยกโทษความผิดบาปให้ เราซื่อสัตย์และเที่ยงตรงและจะยกโทษแก่พวกเขาเหล่านั้นผู้ที่ได้มาหาเรา เราจะไม่ให้พวกเขาออก ไป ”
พระองค์มองผู้หญิงคนนี้และตรัสว่า “ ถ้าหากว่าเจ้าจะฟังเราและได้มาหาเราและสำนึกผิดเราก็อาจจะยกโทษให้เจ้าได้ ”
ผู้หญิงคนนั้นถาม “พระองค์เจ้าข้า ไม่มีทางออกไปจากที่นี่เลยหรือ”
พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างนิ่มนวลมาก ว่า “หญิงเอ๋ย” พระองค์ตรัส “เจ้าได้รับโอกาสหลายครั้งเพื่อที่จะสำนึก แต่ว่าเจ้าทำให้จิตใจของเจ้ากระด้างและมิได้สำนึก และเจ้ารู้ถ้อยคำของเราที่พูดว่าคนชั่วช้าทั้งมวลจะมีส่วนในทะเลสาบแห่งไฟ”
พระเยซูคริสต์หันมาทางดิฉันและตรัสว่า “ผู้หญิงคนนี้มีกิจกรรมทางเพศที่บาปหนากับผู้ชายหลายคน และเธอเป็นต้นเหตุให้หลายครอบครัวพังทลาย ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้โดยประการทั้งปวง แต่เราก็ยังคงรักเธอ มิใช่เพื่อการพิพากษาโทษแต่เพื่อการช่วยให้รอด เราได้ส่งคนใช้ของเราหลายคนไปหาเธอเพื่อเธออาจจะสำนึกถึงเส้นทางบาปของเธอ แต่เธอมิได้สำนึก เมื่อเธอเป็นหญิงสาว เราได้เรียกเธอ แต่เธอยังคงทำการอันชั่วช้าต่อไป เธอทำความผิดมากมาย แต่ถึงกระนั้นเราก็อาจจะยกโทษให้เธอถ้าหากว่าเธอจะมาหาเรา ซาตานได้เข้าไปหาเธอ และเธอทำให้ความข่มขื่นเพิ่มขึ้นและเธอไม่ยอมอภัยแก่คนอื่น”
เธอไปโบสถ์เพียงเพื่อที่จะหาผู้ชายทั้งหลาย เธอพบพวกผู้ชายและเธอล่อลวงพวกเขา ถ้าเพียงแต่ว่าเธอมาหาเรา ความผิดบาปของเธอก็อาจจะทำให้สะอาดได้โดยโลหิตของเรา ส่วนหนึ่งของเธอต้องการที่จะรับใช้เรา แต่ว่าเจ้าไม่สามารถที่จะรับใช้พระเจ้าและซาตานได้ในเวลาเดียวกัน ทุกคนจะต้องทำการเลือกว่าพวกเขาจะรับใช้ผู้ใด “
“พระเจ้าข้า” ดิฉันร้อง โปรดให้กำลังแก่ดิฉันที่จะดำเนินต่อไป ” ขาของดิฉันกำลังสั่นจากศรีษะถึงเท้าอันเนื่องมาจากความหวาดกลัวต่อนรก
พระเยซูตรัสกับดิฉัน “จงมีสันติ จงสงบเงียบ”
“ช่วยลูกด้วย พระเจ้าข้า ” ดิฉันขอร้อง ซาตานไม่ต้องการให้เรารู้ความจริงเกี่ยวกับนรก ในความฝันที่ฝันอย่างเป็นบ้าเป็นหลังมากที่สุดในทุกประการของดิฉัน ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่านรกนั้นจะเป็นเช่นนี้ “พระเยซูที่รัก สิ่งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไรค๊ะ ”
“ลูกของเราเอ๋ย” พระเยซูคริสค์ตอบ “มีเพียงพระบิดาเท่านั้น ที่รู้ว่าเมื่อใดความสิ้นสุดจะมาถึงครั้นแล้วพระองค์ตรัสกับดิฉันอีก ว่า ”จงสงบ จงสงบเงียบ “ กำลังอันยิ่งใหญ่ได้มาสู่ดิฉัน
พระเยซูคริสต์และดิฉันเดินต่อไปผ่านกับดัก ดิฉันต้องการที่จะดึงเอาแต่ละบุคคลที่ดิฉันเดินผ่านออกมาจากเปลวไฟและผลักพวกเขาลงไปยังเท้าของพระเยซู ดิฉันร้องไห้มากมายในภายใน ดิฉันคิดกับตัวเอง ดิฉันไม่เคยต้องการให้เด็ก ๆ ของดิฉันมายังที่นี่
ในที่สุด พระเยซูหันมาทางดิฉันและพูดอย่างเงียบ ๆ “ลูกเอ๋ย เราจะไปยังบ้านของลูก ณ บัดนี้ คืนพรุ่งนี้เราจะกลับมายังส่วนนี้ของนรก ”

เมื่อกลับมาถึงบ้านของดิฉัน ดิฉันร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ในระหว่างเวลากลางวันดิฉัน ปลดเปลื้องนรกและปลดเปลื้องผู้คน ความน่าขนลุกขนพองเหล่านั้นทั้งหมด ในนรกนั้น ดิฉันได้บอกแก่ทุกคนที่ดิฉันได้พบในระหว่างกลางวันเกี่ยวกับนรก ดิฉันบอกพวกเขาว่าความเจ็บปวดของนรกนั้นอยู่ในความเชื่อ ในบรรดาท่านที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ได้โปรดเถิด ดิฉันขอวิงวอนท่าน จงสำนึกในความผิดบาปของท่าน จงเรียกหาพระเยซูคริสต์และขอร้องให้พระองค์ช่วยท่านให้รอด จงเรียกหาพระองค์ในวันนี้ จงอย่างคอยไปถึงวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้อาจจะมาไม่ถึง กาลเวลาผ่านไปรวดเร็ว จงคุกเข่าลงทำจิตใจให้สะอาดจากความผิดบาปของท่าน จงดีต่อกันและกัน เพื่อเห็นแก่พระเยซู จงมีความกรุณาและอภัยแก่กันและกันเถิด
ถ้าหากว่าท่านโกรธใครบางคน จงอภัยให้เขา ไม่มีความโกรธใดมีค่าพอที่จะไปนรกเพื่อความโกรธนั้น จงให้อภัยเสมอเหมือนดังที่พระเยซูคริสต์ได้อภัยให้แก่ความผิดบาปของเรา พระเยซูคริสต์มีความสามารถที่จะคุ้มครองเราถ้าหากเรามีหัวใจที่สำนึกผิดและจะให้โลหิตของพระองค์ทำความสะอาดเราจากความผิดบาปทั้งมวล จงรักเด็ก ๆ ของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านของท่านเหมือนดังที่ท่านรักตัวเอง
“พระเจ้าแห่งโบสถ์กล่าว “จงสำนึกกลับใจจากบาปแท้จริงและจะรอด”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น